
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สังคมไทยได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์บางราย ที่มีการนำเสนอ การดื่ม “สารเคมี” บางชนิด
แม้ในความเป็นจริงแล้วจะเป็นเพียงการนำอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่ใช่สารเคมีจริงมาใส่ในบรรจุภัณฑ์ของสารเคมี แต่การกระทำดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกและความกังวลอย่างมาก ทั้งในแง่ของ พฤติกรรมเลียนแบบ และ ความรับผิดชอบทางกฎหมาย
ความรับผิดชอบบนโลกออนไลน์: เส้นแบ่งที่มองไม่เห็น
ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถเป็นผู้ผลิตและเผยแพร่เนื้อหาได้ การสร้างคอนเทนต์ที่หวือหวาเพื่อเรียกยอดวิวและยอดผู้ติดตามกลายเป็นเป้าหมายหลักของหลายคน
อย่างไรก็ตาม การกระทำที่ ขาดความยั้งคิด และ มองข้ามผลกระทบต่อสังคม ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้
การนำเสนอภาพการดื่มสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม สามารถทำให้ผู้รับชม เข้าใจผิด โดยเฉพาะกลุ่ม เด็กและเยาวชน ที่อาจเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้ นำไปสู่ โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดคิด
กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้อง
1. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
มาตรา 14 (1):
การนำเข้าข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนสู่ระบบคอมพิวเตอร์
เช่น การแสดงภาพ “ดื่มสารเคมี” แม้จะเป็นแค่น้ำหรือเครื่องดื่มทั่วไป
หากส่งผลให้ประชาชนเข้าใจผิด หวาดกลัว หรือเลียนแบบ
โทษ: จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 (2):
การนำเข้าข้อมูลที่อาจกระทบความมั่นคงสาธารณะหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนก
หากเนื้อหากระจายวงกว้างและสร้างความแตกตื่น
โทษ: เช่นเดียวกับมาตรา 14 (1)
ผู้เผยแพร่หรือแชร์คอนเทนต์ หากรู้ว่าคอนเทนต์เข้าข่ายความผิด ก็อาจมีความผิดด้วย
2. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
มาตรา 26 (3):
ห้ามเผยแพร่สื่อที่ส่งเสริมหรือยุยงให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสมหรือเสี่ยงอันตราย
เด็กและเยาวชนอาจขาดวิจารณญาณและเลียนแบบพฤติกรรมอันตราย
โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กฎหมายอื่นที่อาจเกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 (ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน):
อาจใช้ได้ถ้ามีเจตนาหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ เช่น ยอดวิว
แต่ต้องมีหลักฐานพิสูจน์เจตนา ซึ่งอาจยากในบางกรณี
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22:
หากคอนเทนต์มีลักษณะเป็นการโฆษณาที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายนี้ได้เช่นกัน
บทเรียนสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์และสังคม
เหตุการณ์นี้เป็น บทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้ผู้สร้างคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียตระหนักว่า
ทุกเนื้อหาที่เผยแพร่ออกไปมีผลกระทบต่อสังคม ไม่ใช่แค่ยอดวิวหรือยอดไลก์
การสร้างคอนเทนต์ควร:
คำนึงถึง ความถูกต้อง
คำนึงถึง ความปลอดภัย
หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่อาจทำให้เกิด ความเข้าใจผิดหรืออันตราย
โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับสารเคมีหรืออันตรายต่อชีวิต
สังคมควรช่วยกันกลั่นกรอง
ผู้บริโภคสื่อควร:
ใช้ วิจารณญาณ ในการรับชม
ไม่หลงเชื่อง่าย
ระมัดระวังคอนเทนต์ที่ หวือหวา เกินจริง
แจ้งเบาะแสหรือ รายงานคอนเทนต์ไม่เหมาะสม
บทบาทของผู้ปกครองก็สำคัญไม่แพ้กัน
พูดคุยและสร้างความเข้าใจกับบุตรหลานเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยในโซเชียลมีเดีย
สอนให้รู้จักแยกแยะระหว่างความจริงกับสิ่งที่จัดฉากเพื่อความบันเทิง
หากพบพฤติกรรมเลียนแบบหรือมีแนวโน้มลอกเลียนพฤติกรรมจากสื่อ ควรรีบให้คำแนะนำหรือนำเข้าพบผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจสอบและจำกัดเนื้อหาที่เด็กเข้าถึงได้ โดยใช้เครื่องมือควบคุม หรือแนะนำให้รับชมร่วมกันกับผู้ใหญ่
การสร้างทักษะในการคิดวิเคราะห์และภูมิคุ้มกันสื่อเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กตกเป็นเหยื่อของคอนเทนต์อันตรายที่อาจเผยแพร่บนโลกออนไลน์
สรุป: ถึงเวลาสร้างมาตรฐานใหม่บนโลกออนไลน์
แม้การเลียนแบบการดื่มสารเคมีจะเป็นเพียง “การแสดง”
แต่ถือว่าเป็น “การแสดง” ที่ ก้าวข้ามเส้นของความรับผิดชอบ
ส่งผลกระทบทั้งต่อ:
ความเข้าใจของผู้ชม
ความปลอดภัยของสังคม
และอาจนำไปสู่ ความรับผิดทางกฎหมาย
ถึงเวลาแล้ว ที่เราทุกคนจะต้องร่วมมือกันสร้าง
มาตรฐานและจริยธรรม ในการนำเสนอเนื้อหาบนโลกออนไลน์
เพื่อให้ โซเชียลมีเดีย เป็นพื้นที่ที่สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับทุกคน