#Blog #Entertainment #Food & Drink #อื่นๆ

คอนเทนต์พิเรนทร์ เสี่ยงคุก(จริงหรือไม่?) : ดื่มสารเคมีลงโซเชียล

0
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียนที่จะทำ.
2fe9ee36 a078 4226 bc0a dbd6248bb8c4
รถแดง นำเที่ยว

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สังคมไทยได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์บางราย ที่มีการนำเสนอ การดื่ม “สารเคมี” บางชนิด

แม้ในความเป็นจริงแล้วจะเป็นเพียงการนำอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่ใช่สารเคมีจริงมาใส่ในบรรจุภัณฑ์ของสารเคมี แต่การกระทำดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกและความกังวลอย่างมาก ทั้งในแง่ของ พฤติกรรมเลียนแบบ และ ความรับผิดชอบทางกฎหมาย

ความรับผิดชอบบนโลกออนไลน์: เส้นแบ่งที่มองไม่เห็น

ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถเป็นผู้ผลิตและเผยแพร่เนื้อหาได้ การสร้างคอนเทนต์ที่หวือหวาเพื่อเรียกยอดวิวและยอดผู้ติดตามกลายเป็นเป้าหมายหลักของหลายคน

อย่างไรก็ตาม การกระทำที่ ขาดความยั้งคิด และ มองข้ามผลกระทบต่อสังคม ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้

การนำเสนอภาพการดื่มสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม สามารถทำให้ผู้รับชม เข้าใจผิด โดยเฉพาะกลุ่ม เด็กและเยาวชน ที่อาจเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้ นำไปสู่ โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดคิด

กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้อง

1. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)

มาตรา 14 (1):

การนำเข้าข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนสู่ระบบคอมพิวเตอร์

เช่น การแสดงภาพ “ดื่มสารเคมี” แม้จะเป็นแค่น้ำหรือเครื่องดื่มทั่วไป

หากส่งผลให้ประชาชนเข้าใจผิด หวาดกลัว หรือเลียนแบบ

โทษ: จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 14 (2):

การนำเข้าข้อมูลที่อาจกระทบความมั่นคงสาธารณะหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนก

หากเนื้อหากระจายวงกว้างและสร้างความแตกตื่น

โทษ: เช่นเดียวกับมาตรา 14 (1)

ผู้เผยแพร่หรือแชร์คอนเทนต์ หากรู้ว่าคอนเทนต์เข้าข่ายความผิด ก็อาจมีความผิดด้วย

2. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

มาตรา 26 (3):

ห้ามเผยแพร่สื่อที่ส่งเสริมหรือยุยงให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสมหรือเสี่ยงอันตราย

เด็กและเยาวชนอาจขาดวิจารณญาณและเลียนแบบพฤติกรรมอันตราย

โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กฎหมายอื่นที่อาจเกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 (ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน):

อาจใช้ได้ถ้ามีเจตนาหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ เช่น ยอดวิว

แต่ต้องมีหลักฐานพิสูจน์เจตนา ซึ่งอาจยากในบางกรณี

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22:

หากคอนเทนต์มีลักษณะเป็นการโฆษณาที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายนี้ได้เช่นกัน

บทเรียนสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์และสังคม

เหตุการณ์นี้เป็น บทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้ผู้สร้างคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียตระหนักว่า
ทุกเนื้อหาที่เผยแพร่ออกไปมีผลกระทบต่อสังคม ไม่ใช่แค่ยอดวิวหรือยอดไลก์

การสร้างคอนเทนต์ควร:

คำนึงถึง ความถูกต้อง

คำนึงถึง ความปลอดภัย

หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่อาจทำให้เกิด ความเข้าใจผิดหรืออันตราย

โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับสารเคมีหรืออันตรายต่อชีวิต

สังคมควรช่วยกันกลั่นกรอง

ผู้บริโภคสื่อควร:

ใช้ วิจารณญาณ ในการรับชม

ไม่หลงเชื่อง่าย

ระมัดระวังคอนเทนต์ที่ หวือหวา เกินจริง

แจ้งเบาะแสหรือ รายงานคอนเทนต์ไม่เหมาะสม

บทบาทของผู้ปกครองก็สำคัญไม่แพ้กัน

พูดคุยและสร้างความเข้าใจกับบุตรหลานเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยในโซเชียลมีเดีย

สอนให้รู้จักแยกแยะระหว่างความจริงกับสิ่งที่จัดฉากเพื่อความบันเทิง

หากพบพฤติกรรมเลียนแบบหรือมีแนวโน้มลอกเลียนพฤติกรรมจากสื่อ ควรรีบให้คำแนะนำหรือนำเข้าพบผู้เชี่ยวชาญ

ตรวจสอบและจำกัดเนื้อหาที่เด็กเข้าถึงได้ โดยใช้เครื่องมือควบคุม หรือแนะนำให้รับชมร่วมกันกับผู้ใหญ่

การสร้างทักษะในการคิดวิเคราะห์และภูมิคุ้มกันสื่อเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กตกเป็นเหยื่อของคอนเทนต์อันตรายที่อาจเผยแพร่บนโลกออนไลน์

สรุป: ถึงเวลาสร้างมาตรฐานใหม่บนโลกออนไลน์

แม้การเลียนแบบการดื่มสารเคมีจะเป็นเพียง “การแสดง”
แต่ถือว่าเป็น “การแสดง” ที่ ก้าวข้ามเส้นของความรับผิดชอบ

ส่งผลกระทบทั้งต่อ:

ความเข้าใจของผู้ชม

ความปลอดภัยของสังคม

และอาจนำไปสู่ ความรับผิดทางกฎหมาย

ถึงเวลาแล้ว ที่เราทุกคนจะต้องร่วมมือกันสร้าง
มาตรฐานและจริยธรรม ในการนำเสนอเนื้อหาบนโลกออนไลน์
เพื่อให้ โซเชียลมีเดีย เป็นพื้นที่ที่สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับทุกคน

https://sotyai.com/go/8639

0 ความเห็น
Inline Feedbacks
ทั้งหมด