การล็อกการตั้งค่าแอป (App Lock) เพื่อป้องกันการติดตั้งแอปอันตรายหรือการเข้าใช้แอปที่ไม่ต้องการนั้นสามารถทำได้โดยการใช้เครื่องมือหรือฟังก์ชั่นที่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการ (เช่น Android หรือ iOS) รวมถึงการใช้แอปพลิเคชันจากภายนอกที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ของคุณ
สำหรับ Android:
ใช้ฟังก์ชัน App Lock ในระบบ Android:
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ความปลอดภัย (Security) > การล็อกแอป (App Lock) (ในบางรุ่นอาจจะอยู่ในเมนู “การจัดการแอป” หรือ “การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว”)
ตั้งรหัส PIN หรือใช้ลายนิ้วมือ (Fingerprint) เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้าใช้งานแอปหรือการตั้งค่าโดยไม่อนุญาต
ใช้แอปพลิเคชันภายนอก (Third-party App Lockers):
คุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน App Lock จาก Google Play Store เช่น:
AppLock (ยอดนิยม): ช่วยล็อกแอปต่างๆ รวมถึงการติดตั้งแอปใหม่
Norton App Lock: แอปที่สามารถล็อกการเข้าถึงแอปต่างๆ และตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัย
แอปเหล่านี้ช่วยให้คุณล็อกแอปที่สำคัญหรือแม้แต่หน้าจอการติดตั้งแอปใหม่
ตั้งค่าการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ:
ไปที่การตั้งค่า > ความปลอดภัย > ติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่รู้จัก (Install Unknown Apps): ปิดการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่รู้จัก หรือไม่ให้อนุญาตให้แอปที่ติดตั้งจากภายนอกสามารถติดตั้งได้
สำหรับ iOS:
ใช้ฟังก์ชัน Screen Time (เวลาใช้หน้าจอ):
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > Screen Time > การตั้งค่า Screen Time และเปิดใช้งาน
ตั้งรหัสผ่านสำหรับการตั้งค่า Screen Time ซึ่งจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ
ในส่วนของ Content & Privacy Restrictions ให้คุณปิดการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือไม่อนุญาตให้ดาวน์โหลดแอปใหม่จาก App Store ได้
Content & Privacy Restrictions > iTunes & App Store Purchases > กำหนด “Installing Apps” เป็น “Don’t Allow”
ใช้แอปภายนอก (App Lock):
แอปพลิเคชันบางตัวอาจช่วยเพิ่มการล็อกแอปที่มีอยู่ในเครื่อง แต่ iOS จำกัดการใช้งานแอปประเภทนี้น้อยกว่า Android
แต่การใช้ Screen Time ใน iOS ก็สามารถจำกัดการใช้งานแอปต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีเพิ่มเติมในการป้องกันแอปอันตราย:
การเปิดใช้งานการตรวจสอบแอปจาก Play Store หรือ App Store:
ใน Android ใช้ Google Play Protectเพื่อป้องกันแอปอันตรายจากการดาวน์โหลดหรือการติดตั้ง
ใน iOS ใช้ App Store เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปจากที่ถูกต้องและเชื่อถือได้
ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง (Permissions):
ตรวจสอบว่าแอปต่างๆ ที่ติดตั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น กล้อง, ไมโครโฟน, ข้อความ และข้อมูลส่วนตัวหรือไม่
อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำ:
การอัปเดตระบบปฏิบัติการให้ทันสมัยจะช่วยลดช่องโหว่ที่อาจถูกแอปอันตรายใช้ในการโจมตี
สรุป:
การล็อกการตั้งค่าแอปและการป้องกันการติดตั้งแอปอันตรายสามารถทำได้ทั้งการใช้ฟังก์ชันในตัวของระบบปฏิบัติการหรือการใช้แอปพลิเคชันจากภายนอก ที่ช่วยในการล็อกแอปหรือจำกัดการติดตั้งแอปใหม่จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ